top of page

Water Fasting กี่ชั่วโมงเหมาะที่สุดกับร่างกายเรา - นี่คือคำตอบ!


Water Fasting กี่ชั่วโมงเหมาะที่สุดกับร่างกายเรา - นี่คือคำตอบ!
Water Fasting กี่ชั่วโมงเหมาะที่สุดกับร่างกายเรา - นี่คือคำตอบ!

Water Fasting คืออะไร?


Water Fasting คือการ ไม่กินอะไรเลย นอกจากน้ำเปล่า โดยไม่มีแคลอรี่เข้าร่างกายเลยแม้แต่นิดเดียว! มันคือวิธี Biohack ระดับ Hardcore ที่กระตุ้นระบบฟื้นฟูตัวเองของร่างกายแบบสุดขีด ด้วยพลังของ Autophagy, Ketosis, Growth Hormone, และ Insulin Sensitivity



>>> วิเคราะห์ตามช่วงเวลา: ผลของ Water Fasting แต่ละระดับ กี่ชั่วโมงที่เหมาะกับตัวเรา


การทำ Water Fasting กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นัก Biohacker แต่กี่ชั่วโมงที่เหมาะสมกับร่างกายเรา บทความนี้จะลงลึกในมุมมองของ Biohacker เพื่อจะได้เห็นภาพผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการเลือกชั่วโมงที่จะทำ มาดูกันครับว่า มีอะไรกันบ้าง?


>> 12 ชั่วโมง – จุดสตาร์ทของการปลุกระบบเผาผลาญ!


นี่คือช่วงเวลาที่ร่างกายเริ่มเปลี่ยนเกียร์ จาก เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำตาล ไปสู่ เครื่องยนต์ที่เผาไขมัน! เมื่อคุณผ่านพ้นมื้อสุดท้ายมาแล้ว 12 ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มใช้ ไขมันสะสมเป็นพลังงาน (Lipolysis) เพราะน้ำตาลในเลือดและกลูโคสจากอาหารเริ่มหมดไป


💡 อินซูลินเริ่มลดลง → ความไวต่ออินซูลินดีขึ้น → เบิร์นไขมันง่ายขึ้น . . . นี่คือ “ไฟสตาร์ท” สำหรับคนที่อยากสลายพุงและเบิร์นพลังงานส่วนเกิน

  • ข้อดี:

    • จุดเริ่มต้นของกระบวนการใช้ไขมันเป็นพลังงาน (Lipolysis)

    • อินซูลินเริ่มลดลง → เหมาะกับสายลดน้ำตาล ลดพุง

    • เบิร์นไขมันเล็ก ๆ

    • เป็นจุดเปลี่ยนที่ “ทำง่าย แต่ได้ผลจริง”

  • ข้อเสีย:

    • ยังไม่เกิด Autophagy หรือกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ที่ชัดเจน

    • บางคนอาจรู้สึกหิวช่วงท้ายของ 12 ชม. หากกินคาร์บเยอะไปก่อนหน้า

  • 👤 เหมาะกับใคร:

    • คนรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มดูแลตัวเองแบบคูล ๆ

    • คนทำงานที่อยากลดน้ำหนัก ลดพุงแต่ไม่อยากอดอาหารทั้งวัน

    • ผู้ที่ต้องการ “แค่เปลี่ยนเวลากิน ก็เห็นผล” โดยไม่ต้องเปลี่ยนชีวิตทั้งหมด


งานวิจัย: Sutton EF et al., 2018 พบว่าการจำกัดช่วงเวลากินให้สั้น (Time-Restricted Feeding) แม้เพียง 12 ชม. มีผลต่อการเผาผลาญอินซูลินและลดน้ำตาล



>> 18-20 ชั่วโมง – จุดเข้าสู่ Ketosis


นี่คือเวลาที่ร่างกายเริ่มผลิต พลังสมองสายใหม่ จากไขมัน! นั่นคือการเข้าสู่ช่วง Ketosis – ร่างกายจะเปลี่ยนจากการใช้น้ำตาล มาใช้ คีโตน ที่ได้จากไขมันเป็นพลังงาน โดยเฉพาะกับสมอง → ทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง ใส และโฟกัสสุด ๆ


💡 ความหิว จะกลายเป็นพลังสร้างสมาธิ และไขมันค่อย ๆ หายไปอย่างเงียบ ๆ

  • ข้อดี:

    • ร่างกายเข้าสู่สภาวะ Ketosis คือการใช้คีโตนเป็นพลังงาน → สมองปลอดโปร่ง มีพลังแบบไม่ crash

    • ลดความอยากอาหารระยะยาว → คุมอาหารได้ง่ายขึ้นในวันถัดไป

    • เหมาะกับ “สายโฟกัส-สายฟิต” ที่ต้องใช้สมองและพลังงานพร้อมกัน


  • ข้อเสีย:

    • มือใหม่อาจเจออาการ Keto Flu ใชช่วงแรก เช่น มึนหัวเล็กน้อย

    • ต้องผ่านช่วงหิวแรง ๆ ให้ได้ก่อน Ketosis จะเริ่มทำงาน

Note: Keto Flu (ไข้คีโต) คือกลุ่มอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของการเข้าสู่ภาวะ Ketosis ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเปลี่ยนแหล่งพลังงานจาก น้ำตาล (กลูโคส) มาเป็น คีโตน (Ketones) ที่ผลิตจากไขมัน


  • 👤 เหมาะกับ:

    • คนทำงานสายครีเอทีฟ สตาร์ตอัป ที่อยากปลุกพลังสมอง

    • คนลดน้ำหนักที่เคยโยโย่ อยากเบิร์นให้ลึก

    • นักออกกำลังกายสายคีโต ที่อยากผลักไขมันออกจากระบบ


งานวิจัย: Cahill GF Jr., 2006 ระบุว่า Ketosis จะช่วยให้สมองมีพลังงานสำรองที่มั่นคงจากคีโตน (Beta-Hydroxybutyrate) แทนน้ำตาล ทำให้คิดเร็ว จำแม่น คุมอารมณ์ดีขึ้น



>> 24 ชั่วโมง – เปิดระบบรีไซเคิลเซลล์แบบชีวภาพ (Autophagy Activation)


นี่คือจุดที่ร่างกายเข้าสู่ - โหมดซ่อมเซลล์ - อย่างแท้จริง! เมื่อร่างกายไม่มีอาหารเข้าเลยตลอด 24 ชม. มันจะเปิดระบบที่ชื่อว่า Autophagy ซึ่งเป็นระบบฟื้นฟูเซลล์ที่ตายแล้ว กำจัดของเสีย และผลิตเซลล์ใหม่แบบไร้พิษ


💡 คิดซะว่า...ร่างกายเอาขยะเซลล์มารีไซเคิล → กลายเป็นพลังใหม่ที่สะอาดและใสปิ๊ง

  • ข้อดี:

    • เริ่ม Autophagy: เซลล์เก่าถูกรีไซเคิล ลดความเสื่อมของเซลล์

    • ลดโอกาสการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน มะเร็ง อัลไซเมอร์

    • เพิ่มการผลิต GH (Growth Hormone) สูงขึ้น 2-5 เท่า

  • ข้อเสีย:

    • ต้องมีพื้นฐานการ Fast มาก่อน ไม่เหมาะกับมือใหม่

    • ร่างกายเริ่มดรอปพลังงาน เหนื่อยง่าย สมองตื้อ → ควรพักผ่อนให้มาก

  • 👤 เหมาะกับ:

    • Biohacker ที่อยาก ย้อนวัยระดับเซลล์

    • คนที่มีภาวะอักเสบซ่อนเร้น (เช่น นอนหลับไม่ลึก อารมณ์แปรปรวน)

    • คนที่อยาก Detox ลึกถึงระดับ Cellular Level


งานวิจัย: Mizushima & Komatsu, 2011 ระบุว่า Autophagy เริ่มชัดเจนหลัง fasting เกิน 24 ชม. และยืนยันว่า Autophagy ช่วยทำความสะอาดภายในเซลล์ และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังได้ชัดเจน



>> 36-48 ชั่วโมง – ปลุกระบบซ่อมแซมระดับลึก


เมื่อคุณผ่าน 36 ชม. นี่คือ - พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของการฟื้นฟูขั้นสูงสุด! Autophagy ทำงานแบบบ้าคลั่ง ระบบอักเสบทั่วร่างกายเริ่มสงบ และสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ ร่างกายเริ่มผลิตเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) เพื่อซ่อมแซมอวัยวะที่สึกหรอ


💡 คือการรีบูตร่าง ที่ลึกกว่าแค่ดีท็อกซ์ — มันคือ การสร้างใหม่

  • ข้อดี:

    • ลดการอักเสบชัดเจน (Inflammation markers เช่น CRP ลดลง)

    • กระตุ้นการสร้าง Stem Cell เพื่อซ่อมแซมระบบภูมิคุ้มกัน

    • กระตุ้นระบบเผาผลาญลึกระดับยีน

    • Autophagy แรงสุด


  • ข้อเสีย:

    • เสี่ยงกล้ามเนื้อลดเล็กน้อย

    • ต้องมีการเตรียมตัวทั้งก่อน-หลัง

    • พลังงานต่ำมาก → ควรหยุดออกกำลังกาย

    • เสี่ยงกล้ามเนื้อลด หากไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า


  • 👤 เหมาะกับ:

    • Biohacker สายจริงจังระดับมือโปร ที่ต้องการ Reset ตัวเอง

    • คนที่มีภาวะอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง

    • คนที่อยากชะลอวัยแบบลึกถึง DNA


งานวิจัย: Longo & Panda, 2016 ชี้ว่าการ fasting เกิน 36 ชั่วโมงกระตุ้นการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันและลดโรคเรื้อรังอย่างมีนัยสำคัญ



>> 72 ชั่วโมง – Reset ร่างกายใหม่เหมือนอัปเดตซอฟต์แวร์ชีวิต!


นี่คือ ระบบรีบูตเต็มระบบ ของชีวิตคุณ! การไม่กินอาหาร 72 ชั่วโมง ทำให้ร่างกาย รีเซ็ตระบบภูมิคุ้มกัน สร้างเม็ดเลือดขาวใหม่ และเปิดการแสดงออกของ ยีนแห่งอายุยืน (FOXO3)


💡 เหมือนการล้างเครื่อง แล้วลง OS ใหม่ ที่เร็วกว่า เบากว่า แรงกว่าเดิม!

  • ข้อดี:

    • รีเซ็ตระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System Reboot) เพื่อฟื้นภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ

    • ลดระดับ Insulin resistance อย่างชัดเจน

    • เพิ่มยีนชะลอวัย (longevity gene) เช่น FOXO3 ช่วยเสริมการมีอายุยืน


  • ข้อเสีย:

    • เสี่ยงภาวะ Electrolyte imbalance ต้องดูแลหลัง Fast อย่างระมัดระวัง

    • ห้ามทำบ่อย ต้องมีช่วง Recovery ที่ถูกต้อง แนะนำปีละคร้ง


  • 👤 เหมาะกับ:

    • นัก Biohack มือโปรขั้นสูง ที่เข้าใจร่างกายตัวเองลึก

    • ผู้ที่อยู่ในกระบวนการรักษาโรค (ภายใต้แพทย์ดูแล)

    • สาย Longevity ที่อยาก “ยืดอายุ” อย่างจริงจัง


งานวิจัย: Valter Longo et al., 2014 พบว่า Fasting 72 ชม. ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันใหม่แบบสมบูรณ์ และอาจลดความเสี่ยงโรคเสื่อมเรื้อรังได้อย่างน่าทึ่ง



>> สรุปเปรียบเทียบ

ระยะเวลา

จุดเด่น

ใครควรลอง

จุดเสี่ยง

12 ชม.

เผาผลาญเริ่มต้น

มือใหม่, คนทั่วไป

ผลยังไม่ลึก

18-20 ชม.

เข้าคีโตซิส

คนทำงาน, สายฟิต

หิวช่วงแรก

24 ชม.

เริ่ม Autophagy

Biohacker มือใหม่

ต้องอดทน

36-48 ชม.

ซ่อมลึก, ลดการอักเสบ

ผู้มีประสบการณ์

ต้องพัก, เสี่ยงกล้ามเนื้อหาย

72 ชม.

รีเซ็ตภูมิคุ้มกัน

นักบำบัด, สายลึก

เสี่ยง Electrolyte, ต้องภายใต้แพทย์


>> แนะนำแบบ Biohack


  • มือใหม่: เริ่มจาก 16:8 Intermittent Fasting

  • กลาง: ลอง 24 ชม./สัปดาห์

  • สายลึก: ใช้ Prolong Fasting 48-72 ชม./เดือน โดยมี recovery day และเสริม Electrolytes + น้ำกระดูกต้ม



Comments


bottom of page