top of page

IF และ Water Fasting: จะเลือกอดอาหารแบบไหนเห็นผลกว่ากัน?


IF และ Water Fasting: จะเลือกอดอาหารแบบไหนเห็นผลกว่ากัน?
IF และ Water Fasting: จะเลือกอดอาหารแบบไหนเห็นผลกว่ากัน?

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธี Biohack ร่างกายให้เผาผลาญดี ผิวใส พลังเต็มเปี่ยม แต่ไม่อยากกินยาหรือใช้สารกระตุ้น วิธีที่คนรุ่นใหม่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจคือ การอดอาหารอย่างมีระบบ หรือที่รู้จักกันในชื่อ IF (Intermittent Fasting) และ Water Fasting แล้วแบบไหนเห็นผลดีกว่ากัน? ควรทำถี่แค่ไหน? และร่างกายคุณจะเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง? มาดูกันครับ



>> IF (Intermittent Fasting) คืออะไร?


การอดอาหารเป็นช่วงเวลา เช่น 16:8 หรือ 18:6 หมายถึงการงดอาหาร 16-18 ชั่วโมง แล้วกินภายใน 6-8 ชั่วโมง เหมาะสำหรับคนทำงานที่ยังอยากมีพลังระหว่างวัน


ผลลัพธ์ที่จะได้:

  • เพิ่มการเผาผลาญไขมัน

  • ปรับระดับอินซูลินให้ดีขึ้น

  • เซลล์ฟื้นฟูผ่านกระบวนการ Autophagy

  • เพิ่มพลังงานและสมาธิในช่วงเช้า


เหตุผลที่ควรเลือก IF: เพราะสามารถทำได้ต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน ไม่กระทบการทำงาน และมีงานวิจัยรองรับว่า ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ metabolic switching หรือการเปลี่ยนจากการใช้กลูโคสเป็นพลังงาน ไปใช้คีโตน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่สมองและหัวใจชอบ


Biohacking Insight: การทำ IF เป็นเหมือนการกระตุ้นสวิตช์พลังงานภายใน (cellular switch) ให้ร่างกายรู้จัก จัดการพลังงานตัวเอง อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการอักเสบระดับเซลล์


งานวิจัยจาก Harvard (R) พบว่า IF ช่วยเพิ่มระดับ NAD+ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการชะลอวัยโดยตรง



>> Water Fasting คืออะไร?


การงดอาหารทุกอย่าง และดื่มแค่น้ำเปล่าเท่านั้น เป็นระยะเวลา 24-72 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่มีวินัยสูงและต้องการ deep reset ให้ร่างกาย


ผลลัพธ์ที่จะได้:

  • เร่งการทำลายเซลล์เสื่อมแบบเข้มข้น (Autophagy)

  • ลดการอักเสบภายในระดับลึก

  • เซลล์ต้นกำเนิด (stem cells) ถูกกระตุ้นให้สร้างใหม่มากขึ้น

  • ผิวดูใสขึ้น รู้สึกตัวเบาและตื่นตัวสูงสุด


เหตุผลที่ควรเลือก Water Fasting: เพราะเป็นการ ล้างลึก หรือ Full System Detox ที่แท้จริง ทั้งในระดับเซลล์ ไมโตคอนเดรีย ไปจนถึงระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เหมาะกับผู้ที่รู้สึกร่างกายอ่อนล้าเรื้อรัง สมองล้า หรือมีภาวะอักเสบซ่อนเร้น


Biohacking Insight: Water Fasting กระตุ้นการผลิตคีโตน, การลด IGF-1 (ฮอร์โมนกระตุ้นการเติบโตที่มากเกินไปสัมพันธ์กับมะเร็ง) และเปิดสวิตช์การสร้าง stem cells ใหม่ เป็นเหมือนการ Reboot ระบบปฏิบัติการร่างกายใหม่หมด



>> ความถี่ในการทำแต่ละแบบ

ประเภท

ความถี่แนะนำ

ระยะเวลาต่อรอบ

IF (16:8)

4-6 วัน/สัปดาห์

ทำได้ทุกวัน

IF (24-hour fast)

1-2 วัน/สัปดาห์

ทำสัปดาห์ละครั้ง

Water Fasting (48-72 hr)

ทุก 1-3 เดือน

ควรมีผู้เชี่ยวชาญดูแล

สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้เริ่มจาก IF 16:8 แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับเป็น 24 ชั่วโมง หรือ Water Fast ตามความพร้อม


>> แล้วจะเลือกแบบไหนเห็นผลดีกว่ากัน?


ถ้าคุณ...

  • เป็นมือใหม่, ทำงานเยอะ, ชอบจัดระบบชีวิต ให้เริ่มที่ IF

  • ต้องการ Detox ลึก, ลดอาการอักเสบ, กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ให้ลอง Water Fast (ภายใต้การดูแลใกล้ชิด)

  • อยากได้ทั้งสองผลลัพธ์ คือการใช้ IF เป็นกิจวัตร และเพิ่ม Water Fasting ปีละ 2-4 ครั้ง



>> ข้อควรระวัง

  • Water Fasting ไม่เหมาะกับผู้มีโรคเบาหวานประเภท 1, ความดันต่ำ หรือมีภาวะขาดสารอาหาร

  • ควรหยุดทันทีหากมีอาการหน้ามืด วูบ หรืออ่อนแรงผิดปกติ

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่ม Water Fasting เกิน 24 ชั่วโมง



>> สรุป: อดอาหารอย่างฉลาด ร่างกายเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน


  • IF เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน

  • Water Fasting เหมาะกับการ Reset เป็นระยะ

  • ทั้งสองแบบเสริมกันได้ และนำไปสู่ผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ทรงพลัง


ลองเริ่มต้นในแบบที่คุณ ทำได้ต่อเนื่อง เพราะผลลัพธ์ที่แท้จริงมาจาก วินัย ไม่ใช่แค่เทคนิค



แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม




งานวิจัยเพิ่มเติมที่น่าสนใจ



Comments


bottom of page