IF และ Water Fasting: จะเลือกอดอาหารแบบไหนเห็นผลกว่ากัน?
- น.พ. บรรลือ
- 4 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธี Biohack ร่างกายให้เผาผลาญดี ผิวใส พลังเต็มเปี่ยม แต่ไม่อยากกินยาหรือใช้สารกระตุ้น วิธีที่คนรุ่นใหม่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจคือ การอดอาหารอย่างมีระบบ หรือที่รู้จักกันในชื่อ IF (Intermittent Fasting) และ Water Fasting แล้วแบบไหนเห็นผลดีกว่ากัน? ควรทำถี่แค่ไหน? และร่างกายคุณจะเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง? มาดูกันครับ
>> IF (Intermittent Fasting) คืออะไร?
การอดอาหารเป็นช่วงเวลา เช่น 16:8 หรือ 18:6 หมายถึงการงดอาหาร 16-18 ชั่วโมง แล้วกินภายใน 6-8 ชั่วโมง เหมาะสำหรับคนทำงานที่ยังอยากมีพลังระหว่างวัน
ผลลัพธ์ที่จะได้:
เพิ่มการเผาผลาญไขมัน
ปรับระดับอินซูลินให้ดีขึ้น
เซลล์ฟื้นฟูผ่านกระบวนการ Autophagy
เพิ่มพลังงานและสมาธิในช่วงเช้า
เหตุผลที่ควรเลือก IF: เพราะสามารถทำได้ต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน ไม่กระทบการทำงาน และมีงานวิจัยรองรับว่า ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ metabolic switching หรือการเปลี่ยนจากการใช้กลูโคสเป็นพลังงาน ไปใช้คีโตน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่สมองและหัวใจชอบ
Biohacking Insight: การทำ IF เป็นเหมือนการกระตุ้นสวิตช์พลังงานภายใน (cellular switch) ให้ร่างกายรู้จัก จัดการพลังงานตัวเอง อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการอักเสบระดับเซลล์
งานวิจัยจาก Harvard (R) พบว่า IF ช่วยเพิ่มระดับ NAD+ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการชะลอวัยโดยตรง
>> Water Fasting คืออะไร?
การงดอาหารทุกอย่าง และดื่มแค่น้ำเปล่าเท่านั้น เป็นระยะเวลา 24-72 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่มีวินัยสูงและต้องการ deep reset ให้ร่างกาย
ผลลัพธ์ที่จะได้:
เร่งการทำลายเซลล์เสื่อมแบบเข้มข้น (Autophagy)
ลดการอักเสบภายในระดับลึก
เซลล์ต้นกำเนิด (stem cells) ถูกกระตุ้นให้สร้างใหม่มากขึ้น
ผิวดูใสขึ้น รู้สึกตัวเบาและตื่นตัวสูงสุด
เหตุผลที่ควรเลือก Water Fasting: เพราะเป็นการ ล้างลึก หรือ Full System Detox ที่แท้จริง ทั้งในระดับเซลล์ ไมโตคอนเดรีย ไปจนถึงระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เหมาะกับผู้ที่รู้สึกร่างกายอ่อนล้าเรื้อรัง สมองล้า หรือมีภาวะอักเสบซ่อนเร้น
Biohacking Insight: Water Fasting กระตุ้นการผลิตคีโตน, การลด IGF-1 (ฮอร์โมนกระตุ้นการเติบโตที่มากเกินไปสัมพันธ์กับมะเร็ง) และเปิดสวิตช์การสร้าง stem cells ใหม่ เป็นเหมือนการ Reboot ระบบปฏิบัติการร่างกายใหม่หมด
>> ความถี่ในการทำแต่ละแบบ
ประเภท | ความถี่แนะนำ | ระยะเวลาต่อรอบ |
IF (16:8) | 4-6 วัน/สัปดาห์ | ทำได้ทุกวัน |
IF (24-hour fast) | 1-2 วัน/สัปดาห์ | ทำสัปดาห์ละครั้ง |
Water Fasting (48-72 hr) | ทุก 1-3 เดือน | ควรมีผู้เชี่ยวชาญดูแล |
สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้เริ่มจาก IF 16:8 แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับเป็น 24 ชั่วโมง หรือ Water Fast ตามความพร้อม
>> แล้วจะเลือกแบบไหนเห็นผลดีกว่ากัน?
ถ้าคุณ...
เป็นมือใหม่, ทำงานเยอะ, ชอบจัดระบบชีวิต ให้เริ่มที่ IF
ต้องการ Detox ลึก, ลดอาการอักเสบ, กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ให้ลอง Water Fast (ภายใต้การดูแลใกล้ชิด)
อยากได้ทั้งสองผลลัพธ์ คือการใช้ IF เป็นกิจวัตร และเพิ่ม Water Fasting ปีละ 2-4 ครั้ง
>> ข้อควรระวัง
Water Fasting ไม่เหมาะกับผู้มีโรคเบาหวานประเภท 1, ความดันต่ำ หรือมีภาวะขาดสารอาหาร
ควรหยุดทันทีหากมีอาการหน้ามืด วูบ หรืออ่อนแรงผิดปกติ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่ม Water Fasting เกิน 24 ชั่วโมง
>> สรุป: อดอาหารอย่างฉลาด ร่างกายเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน
IF เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน
Water Fasting เหมาะกับการ Reset เป็นระยะ
ทั้งสองแบบเสริมกันได้ และนำไปสู่ผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ทรงพลัง
ลองเริ่มต้นในแบบที่คุณ ทำได้ต่อเนื่อง เพราะผลลัพธ์ที่แท้จริงมาจาก วินัย ไม่ใช่แค่เทคนิค
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
Intermittent Fasting vs. Water Fasting - Key Differences Explained Fasting Apps
Water Diet vs. Intermittent Fasting: Which is More Effective? Water Diet
Study reveals the benefits and downside of fasting - MIT News MIT NewsDr. Berg+9Fasting Apps+9Fasting Apps+9Water Diet+1MIT News+1MIT News
งานวิจัยเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
Effects of Intermittent Fasting on Health, Aging, and Disease https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMra1905136
Prolonged fasting reduces IGF-1 and PKA to promote hematopoietic-stem-cell-based regeneration https://www.cell.com/cell-stem-cell/fulltext/S1934-5909(14)00151-9
Comments