top of page

Biohacker ใช้ NMN ช่วยเพิ่ม VO2 max ให้สูงสุดได้อย่างไร?

  • น.พ. บรรลือ
  • 5 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 2 นาที
Biohacker ใช้ NMN ช่วยเพิ่ม VO2 max ให้สูงสุดได้อย่างไร?
Biohacker ใช้ NMN ช่วยเพิ่ม VO2 max ให้สูงสุดได้อย่างไร?

มีการศึกษาที่ชี้ให้เห็นว่า การทาน NMN (Nicotinamide Mononucleotide) สม่ำเสมออาจมีผลต่อสมรรถภาพการออกกำลังกายบางอย่าง รวมถึงความสามารถในการใช้ออกซิเจนสูงสุด (VO2​ max)



>> ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ VO2​ max และ NMN:


  • งานวิจัยในนักวิ่งสมัครเล่น: มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of the International Society of Sports Nutrition (2021) พบว่า การเสริม NMN สามารถเพิ่มความสามารถในการใช้ออกซิเจน (VO2​) และเปอร์เซ็นต์ของ VO2​ max (VO2 ​max%) ในนักวิ่งสมัครเล่นได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับ NMN ในปริมาณปานกลางถึงสูง

  • การใช้ประโยชน์จากออกซิเจนของกล้ามเนื้อ: นักวิจัยเสนอว่า NMN อาจช่วยเพิ่มการนำส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ทำให้เซลล์ที่พลังงานลดลงจากการออกกำลังกายได้รับพลังงานมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงว่า NMN อาจช่วยสร้างหลอดเลือดใหม่ (angiogenesis) ซึ่งเพิ่มการไหลเวียนเลือดและนำพาสารอาหารไปยังกล้ามเนื้อมากขึ้น

  • ความสัมพันธ์กับการออกกำลังกายแบบความทนทาน: งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า NMN อาจมีประโยชน์ต่อการออกกำลังกายแบบความทนทาน (endurance exercise) โดยเฉพาะการเพิ่มความสามารถในการใช้ออกซิเจนและประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงาน



> ข้อควรพิจารณา:


  • วิธีการวัด VO2 ​max: บางการศึกษาใช้จักรยานปั่น (cycloergometer) ในการวัด ซึ่งอาจให้ค่า VO2​ max ที่แตกต่างจากการวัดด้วยลู่วิ่ง (treadmill) ที่มักจะให้ค่าที่สูงกว่า

  • ปริมาณที่เหมาะสม: ปริมาณ NMN ที่ใช้ในการศึกษาแตกต่างกันไป แต่มีการศึกษาที่พบว่าปริมาณ 600-1200 มิลลิกรัมต่อวันอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อสมรรถภาพทางกาย

  • ผลต่อ VO2 max สูงสุด: แม้ว่า NMN จะช่วยเพิ่มการใช้ออกซิเจนและความสามารถในการออกกำลังกายแบบความทนทาน แต่บางการศึกษาอาจไม่ได้แสดงผลโดยตรงต่อ VO2 ​max สูงสุด หรือกำลังสูงสุด (peak power)

  • ผลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพ: นอกจาก VO2​ max แล้ว NMN ยังอาจช่วยในเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางกาย เช่น การฟื้นตัวหลังออกกำลังกาย การลดการอักเสบ และการเพิ่มประสิทธิภาพของไมโทคอนเดรีย


ในมุมมองของ Biohacker, NMN และการปรับปรุง VO2​ max เป็นสองสิ่งที่เชื่อมโยงกันอย่างน่าสนใจ และ Biohacker มักจะเข้าหาเรื่องนี้ด้วยแนวทางที่ครอบคลุมและเป็นระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกายในระดับเซลล์



Biohacker จะใช้ NMN และปรับปรุง VO2​ max ร่วมกันอย่างไร?:


  1. การเพิ่ม NAD+ เพื่อพลังงานเซลล์:

    • NMN เป็นสารตั้งต้นของ NAD+: Biohacker เข้าใจดีว่า NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) เป็นโคเอนไซม์สำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าของเซลล์ การที่ NAD+ ลดลงตามวัยมีผลต่อการผลิตพลังงาน (ATP)

    • กลไกในมุม Biohacker: การเสริม NMN จึงเป็นการ เติมเชื้อเพลิง ให้กับ NAD+ เพื่อให้ไมโทคอนเดรียทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อความสามารถของกล้ามเนื้อในการผลิตพลังงานระหว่างการออกกำลังกาย และแน่นอนว่าส่งผลต่อ VO2 ​max

  2. การเพิ่มประสิทธิภาพของไมโทคอนเดรีย (Mitochondrial Biogenesis):

    • บทบาทของ NMN: นอกจากจะช่วยให้ไมโทคอนเดรียทำงานดีขึ้นแล้ว NMN ยังอาจกระตุ้นการสร้างไมโทคอนเดรียใหม่ (Mitochondrial Biogenesis) ซึ่งหมายถึงการมีโรงไฟฟ้าในเซลล์มากขึ้น

    • Biohacker Strategy: Biohacker จะไม่พึ่งแค่ NMN แต่จะรวมกับการฝึกออกกำลังกายแบบ Interval Training (HIIT) และ Endurance Training เพื่อกระตุ้นการสร้างไมโทคอนเดรียตามธรรมชาติ การมีไมโทคอนเดรียที่สมบูรณ์และจำนวนมากเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่ม VO2 ​max

  3. การปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตและหลอดเลือด (Vascular Health):

    • NMN และหลอดเลือด: มีการศึกษาที่บ่งชี้ว่า NMN ช่วยปรับปรุงสุขภาพหลอดเลือดและความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ซึ่งสำคัญมากต่อการนำส่งออกซิเจนและสารอาหารไปยังกล้ามเนื้อที่ทำงานหนัก

    • Biohacker Strategy: Biohacker อาจเสริมด้วยสารอาหารอื่นๆ ที่ช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิต เช่น Nitric Oxide precursors (เช่น L-Citrulline, Beetroot powder), Omega-3 fatty acids หรือแม้แต่การใช้เครื่องมืออย่าง Red Light Therapy เพื่อส่งเสริมสุขภาพหลอดเลือด

  4. การลดการอักเสบและการฟื้นตัว:

    • NMN และการอักเสบ: การออกกำลังกายหนักๆ ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย NMN อาจมีบทบาทในการลดการอักเสบในระดับเซลล์ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและพร้อมสำหรับการออกกำลังกายครั้งต่อไป

    • Biohacker Strategy: Biohacker จะใช้กลยุทธ์อื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การอาบน้ำเย็น (Cold Plunge), การใช้เครื่องมือฟื้นฟู (เช่น Compression Boots), และการบริโภคอาหารที่ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory diet)

  5. การติดตามและวัดผลอย่างเข้มงวด (Quantified Self):

    • Biohacker Core Principle: Biohacker ไม่เพียงแค่ ลอง แต่พวกเขาใช้วิธี วัดผล

    • การประยุกต์ใช้: พวกเขาจะวัด VO2 ​max เป็นประจำ (เช่น ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการ, อุปกรณ์สวมใส่เช่น Garmin/Whoop), ติดตามระดับพลังงาน, คุณภาพการนอนหลับ, และอาจรวมถึงการตรวจเลือดเพื่อดู biomarker ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพไมโทคอนเดรียและระดับ NAD+ เพื่อประเมินผลลัพธ์ของ NMN และการฝึกฝน

  6. การปรับปรุงระบบหายใจ:

    • แม้ NMN จะไม่ส่งผลโดยตรง: NMN จะไม่ปรับปรุงการทำงานของปอดโดยตรง แต่เมื่อความสามารถในการใช้ประโยชน์จากออกซิเจนของเซลล์ดีขึ้น ร่างกายโดยรวมก็จะใช้ระบบหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    • Biohacker Strategy: Biohacker อาจจะฝึกการหายใจ (Breathwork) เช่น Wim Hof Method หรือการใช้เครื่องมือฝึกปอด (Respiratory Muscle Training) เพื่อเสริมประสิทธิภาพของระบบหายใจควบคู่กันไป



>> โดยสรุปในมุมมองของ Biohacker:


NMN ไม่ใช่ ยาครอบจักรวาล ที่จะเพิ่ม VO2​ max ได้ด้วยตัวมันเอง แต่เป็น ชิ้นส่วนสำคัญ ในจิ๊กซอว์ของการเพิ่มประสิทธิภาพทางชีวภาพโดยรวม


Biohacker จะใช้ NMN เป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักในการปรับปรุงสุขภาพไมโทคอนเดรียและการผลิตพลังงานในระดับเซลล์ ร่วมกับกลยุทธ์อื่นๆ ที่เป็นองค์รวม เช่น การออกกำลังกายที่เหมาะสม การรับประทานอาหารที่ดี การจัดการความเครียด การนอนหลับที่มีคุณภาพ และการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสมรรถภาพทางกายโดยรวม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่ม VO2 ​max





Commentaires


bottom of page